Problems#

• Difference of Integers
• Pair Isograms
• การระบุเซลล์ใน MS Excel
• Vigenere Cipher
• Palindrome’s Problem

เอาละ code อาจดูพิลึกหน่อย เพราะตอนเขียนนึกไรออกก็ร่ายๆไป 😅 พอมาดูอีกที แบบ เขียนไรไปวะเนี่ย เขียนใหม่สั้นกว่านี้อีก…

Difference of Integers#

ให้หาว่ารายการเลข 2 รายการนี้มีเลขอะไรบ้างที่ไม่ซํ้ากัน โดย input ประกอบไปด้วย 2 บรรทัด โดยตัวเลจตัวแรกคือจำนวนของตัวเลขในรายการนั้น ส่วน output ถ้าไม่มีเลขที่ไม่ซํ้ากันให้แสดงว่า No Differences ถ้ามีให้แสดงจำนวน ตามด้วยรายการที่ sort แล้ว

Input

4 7, 19, 1, 27
5 7, 23, 14, 9, 27

Output

5 1, 9, 14, 19, 23

ข้อนี้จะเป็นเรื่อง set ครับ โดยมันเรียกว่า symmetric difference ซึ่ง python มันทำง่ายมาแค่ a ^ b แต่ในตอนแข่งผมนึกไม่ออกเลขเขียนสูตรเอาครับ

a = set(map(int, input().split(" ", 1)[-1].replace(" ", "").split(",")))
b = set(map(int, input().split(" ", 1)[-1].replace(" ", "").split(",")))
l = sorted(list(a.union(b) - a.intersection(b)))
if len(l) == 0:
    print("No Differences")
else:
    print(f"{len(l)} {', '.join(map(str, l))}")

Pair Isograms#

เราจะได้ case ทดสอบมาไม่ทราบจำนวน ซึ่งจะหยุดเมื่อเจอ stop

• Pair isogram คือคำที่แต่ละตัวอักษรปรากฏซ้ำกันสองครั้งพอดี

ตามชื่อเลยครับ problem อยากทราบว่า string นี้เป็น pair isogram ไหม ถ้าใช่ให้ output pair isogram ถ้าไม่ใช่ให้ output NOT pair isogram

Input

resTauratEurs
aPpeareR
stop

Output

NOT pair isogram
pair isogram

เราจะใช้ Counter ครับ โดยมันจะนับว่ามีอะไรซํ้ากันกี่ตัว เราก็แค่ loop เอา value ออกมาดูว่า string ที่ใส่เข้าไปมันมี char ที่มีไม่เท่ากับ 2 ไหม

ในตอนแรก run ใน local ถูกครับแต่ submit ไปแล้วผิด ผมเลยไม่มั่นใจว่า input มีอะไรอย่างอื่นเช่นตัวเลขไหม หรือยังไงผมเลยลองแปะ str.isalpha ดู สรุปได้ผล แล้วมารู้ที่หลังว่า testcase เป็นไฟล์ CRLF (มันมี \r ซึ่งมันหลุดเข้าไปใน Counter)

from collections import Counter

while True:
    s = input()
    if s == "stop":
        break

    if len(s) < 2:
            print("NOT pair isogram")
            continue

    c = Counter([x for x in s.lower() if x.isalpha()])
    for _, v in c.items():
        if v != 2:
            print("NOT pair isogram")
            break
    else:
        print("pair isogram")

การระบุเซลล์ใน MS Excel#

สรุปเลยคืออยาก convert column ที่เป็นเลขให้กลายเป็น cell address ของ excel

รับ r ตามด้วยเลข ต่อด้วย c ตามด้วยเลข และหยุดเมื่อเลขทั้งสองเป็น 0 ส่วน output จะแสดง cell address ต่อด้วย row number

Input

r1c1
r3c1
r5c26
r0c0

Output

A1
A3
Z5

นั่งงมอยู่พักใหญ่เลยครับ ว่าจะคำนวนอย่างไรดี ผมก็พยายามจะคำนวนแบบการแปลงเลขฐานแต่เจ้ากรรม excel เริ่มนับจาก 1 (ไม่นับ 0) 1-based index

จะเห็นว่าเมื่อแทน A เป็น 1 แล้วละก็ เมื่อ Z = 26 ถ้าเป็น 27 จะกลายเป็น AA แต่เดี๋ยวก่อน A เป็น 1 นี้คือสาเหตุว่าทำไมการแปลงเลขฐานปกติใช้ไม่ได้ เราจึงต้องหาวิธีแปลงอื่นๆที่ไม่ใช่การคำนวน

ผมจึงเลือกที่จะ loop หยิบเลขออกมาก้อนใหญ่ในแต่ละหลักจนมันหมด

while True:
    row, col = map(int, input().replace("r", "").split("c"))
    if row == 0 and col == 0:
        break

    x = col - 1
    d = ""
    A = ord("A")
    i = 1
    while True:
        c = x % (26 ** i)
        x = (x - c) - 1 # Adjust to 0-based index
        d = chr((c // (26 ** (i - 1))) + A) + d
        if x <= 0:
            break
        i += 1

    print(f"{d}{row}")

แนะนำว่าเขียนใหม่เถอะ code นี้ประหลาดจริง

Vigenere Cipher#

ตามชื่อเลยครับ ซึ่งผมเจอบ่อยในการแข่งขัน CTF ครับ เลยอ่านว่ามีอะไรแปลกๆใน statement ไหม แล้วไม่เจอเลยเขียนตามท่านมาตราฐานเลยครับ

input บรรทัดแรกคือข้อความที่จะเข้ารหัส บรรทัดที่สองคือ key และ output ข้อความที่เข้ารหัสแล้ว

Input

no pets
dog

Output

qc vhhy

ข้อมูลเพิ่มเติม : wikipedia

Encryption Formula : $C_i = E_K(M_i) = (M_i + K_{i \bmod m}) \mod \ell$

Decryption Formula : $M_i = D_K(C_i) = (C_i - K_{i \bmod m}) \mod \ell$

$M_i$: Offset of the i-th character of the plaintext M in the alphabet Σ.
$C_i$: Offset of the i-th character of the ciphertext C.
$K_{i \bmod m}$: Offset of the corresponding key character (cyclically repeated).
$ℓ$: Length of the alphabet (e.g., ℓ = 26 for English).
$m$: Length of the key.

โดนสรุปสั้นๆ คือถ้า key หมดให้วนซํ้า และ ignore char ที่ไม่ใช่ alpha เพราะมันคำนวนไม่ได้ และทำการแปลง key ให้เป็นเลข 0-25 เพื่อใช้เลื่อนตำแหน่ง และตอนคำนวนต้องเลื่อน char ไปเริ่มที่ 0 เหมือนกับ key แล้วเมื่อเลื่อนเสร็จแล้วมันเกิน z ให้วนกลับโดยใช้ mod แล้วเลื่อนกลับเป็น ascii ให้กลับมาเป็น char เหมือนเดิม ส่วน case upper / lower ทำเหมือนกันทั้งคู่

t = input()
a = ord("a")
A = ord("A")
k = [ord(x.lower()) - a for x in input()]

c = ""
ki = 0
kl = len(k)
for i in t:
    if i.isalpha():
        if i.islower():
            c += chr((((ord(i) - a) + k[ki]) % 26) + a)
        else:
            c += chr((((ord(i) - A) + k[ki]) % 26) + A)
        ki = (ki + 1) % kl
    else:
        c += i

print(c)

ระวัง CRLF ด้วยนะครับ

Palindrome’s Problem#

ตามชื่อมันเลย คือการที่ string ตัวนั้นสามารถอ่านจากหน้าไปหลังหรือหลังไปหน้าได้ แต่ใน problem นี้มีคำถามว่า เลขที่เป็น string จาก x ไป y เนี่ยมีเลขที่เป็น palindrome กี่ตัว

Input

1, 1000000

Output

1998

ไม่คิดไรมากครับ ทุบมันด้วยการ brute force โดนเราจะเขียนแบบง่ายๆคือ loop range จาก x ไป y โดย y ต้องมากกว่า x เสมอ แต่ input มี case ที่มันสลับกันได้ เราเลข sort ก่อน และการทดสอบเราจะแปลง int -> str แล้ว reverse ดูว่ามันเหมือนเดิมไหม ถ้าใช่ก็นับ +1

x,y = sorted(list(map(int, input().replace(" ", "").split(","))))
c = 0
for i in range(x, y + 1):
    s = str(i)
    if s == s[::-1]:
        c += 1
print(c)

จบไปแล้วสำหรับ solution ข้อต่างๆ ผมมองว่าถ้าเป็นสาย competitive programming อยู่แล้วจะมองว่าข้อพวกนี้ง่ายหมดเลยครับ จะท้าทายหน่อยก็แค่ข้อ C เลยไม่รู้จะพูดยังไงดีกับผลการแข่งขันที่ผมเองก็รู้สึกแปลกๆ หรือผมรู้สึกไปเอง? และก็ส่วนของ input ที่แปลกๆ เช่นมี \r ติดมาด้วย ซึ่งคนที่รู้ว่า testcase ระบบ judge ยัด input ยังไง ก็อาจจะไหวตัวทันด้วยการใช้ trim เช่น python str.strip

แล้วผมรอดในตอนแข่งได้ไง ก่อนที่จะรู้ว่า input เป็น CRLF ?

i s a l p h a   i t   w o r k   b u t   i d k   w h y . . .